พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2386 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2444) เป็นพระราชวงศ์ในราชสกุลลดาวัลย์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ดำรงสมณศักดิ์สุดท้ายที่สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะอรัญวาสี เจ้าคณะใหญ่คณะกลาง เจ้าอาวาสพระองค์แรกของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนวัดราชบพิธ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าชายกระจ่าง เป็นพระโอรสลำดับที่ 3 ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลดาวัลย์ กรมหมื่นภูมินทรภักดี ประสูติแต่หม่อมหรั่ง ในรัชกาลที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล จ.ศ. 1204 ซึ่งตรงกับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2385 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2386) เวลา 5:23 น. ที่วังถนนราชินีและถนนมหาราชตรงที่เป็นกระทรวงเศรษฐการหรือกระทรวงพานิชย์ปัจจุบัน (ปัจจุบันเป็นมิวเซียมสยาม) เป็นพระเชษฐาในพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ ในรัชกาลที่ 5 และพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ในรัชกาลที่ 7
เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. 2400 ขณะพระชันษา 16 ปี ได้ผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (ทับ พุทฺธสิริ) เป็นพระศีลาจารย์ ผนวชแล้วประทับที่วัดโสมนัสราชวรวิหารจนพระชันษาครบ 20 ปีจึงลาผนวชเพื่อทำการสมโภชตามประเพณีเป็นเวลา 3 วัน แล้วจึงอุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเดือน 8 ปีกุน พ.ศ. 2406 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระพรหมมุนี (ทับ พุทฺธสิริ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับพระนามฉายาว่า "อรุโณ"
ต่อมาทรงทำทัฬหีกรรมที่วัดโสมนัสวิหาร โดยมีสมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ผนวชแล้วประทับที่วัดโสมนัสวิหารจนถึง พ.ศ. 2413 จนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จึงได้รับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและจำพรรษาที่นี่ตราบสิ้นพระชนม์
เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงศึกษาอักขรสมัยภาษาไทยและภาษาบาลีที่วัง เมื่อบรรพชาแล้วศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เขียว จนฺทสิริ) วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร และพระธรรมราชานุวัตร (ต่าย วารโณ) วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร ขณะทั้ง 2 รูปยังเป็นมหาเปรียญ และทรงสอบที่พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ได้เปรียญธรรม 5 ประโยค ในปี พ.ศ. 2407 ขณะยังเป็นสามเณร และได้รับพระราชทานตาลปัตรพื้นตาดเปรียญ 5 ประโยคมาแต่ครั้งนั้น
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามพระองค์แรก จึงมีพระภาระสำคัญในการอำนวยการก่อสร้างพระอารามให้ยิ่งใหญ่สวยงามสมเป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาล ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับกุลบุตรที่เป็นพระราชวงศ์หลายพระองค์ รวมทั้งเป็นคณปูรกะและพระอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อคราวผนวชในปี พ.ศ. 2416 ทรงเป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยุตชุดแรก ทรงเป็นแม่กองตรวจชำระพระสุตตันตปิฎกในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับ ร.ศ. 112 เป็นพระผู้ก่อตั้งและอุปถัมภ์โรงเรียนวัดราชบพิธเมื่อปีระกา สัปตศก จุลศักราช 1247 ตรงกับ รัตนโกสิทร์ศก 104 หรือปี พ.ศ. 2428 ดังปรากฏหลักฐานรายชื่อโรงเรียนวัดราชบพิธ อยู่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่ม 1 หน้า 139 ทรงเป็นผู้ช่วยอธิบดีในการสอบไล่พระไตรปิฎกในปี พ.ศ. 2437 และในปี พ.ศ. 2443 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิบดีในการสอบพระปริยัติธรรม ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วันอาทิตย์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย พ.ศ. 2412 (ตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2413 ตามการนับแบบปัจจุบัน) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมเจ้าพระกระจ่าง อรุโณ เป็นพระราชาคณะ มีราชทินนามว่าหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร
วันศุกร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน พ.ศ. 2430 (ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม) ได้เลื่อนสมณศักดิ์เสมอพระธรรมไตรโลก
วันพฤหัสบดี แรม 10 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน พ.ศ. 2430 (ตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายน) ทรงได้รับสถาปนาเป็น พระวรวงษเธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร สุนทรวิสุทธิพรต อาคาริยยศราชวรพงษ ธำรงสมณคุณวิบุลยศักดิ อรรคปริยัติอรรถโกศล โสภณธรรมาลังการภูสิต คณฤศราธิบดี ทรงศักดินา 3000 ไร่ มีสมณศักดิ์เสมอพระพรหมมุนี
วันพุธ แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเส็ง พ.ศ. 2436 (ตรงกับวันที่ 29 พฤศจิกายน) ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ เพิ่มพระอิศริยยศเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองคณะธรรมยุติกนิกาย มีราชทินนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร สุนทรวิสุทธิพรต อาคาริยยศราชวรพงษ์ ธำรงสมณคุณวิบุลยศักดิ์ อรรคปริยัติอรรถโกศล วิมลธรรมยุติกคณานุนายก สาสนดิลกบพิตร"
วันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด พ.ศ. 2443 (ตรงกับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ตามการนับในปัจจุบัน) ทรงได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะอรัญวาสีและเจ้าคณะใหญ่คณะกลาง มีราชทินนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร สุนทรวิสุทธิพรต อาคาริยยศราชวรพงษ ธำรงสมณคุณวิบุลยศักดิ อรรคปริยัติอรรถโกศล วิมลยติโยคนายก สาสนดิลกบพิตร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ อเนกสถานปรีชา สัปตวิสุทธจริยาสมบัติ ไตรปิฎกอรรถธรรมโกศล วิมลธุตคุณ ศิริสุนทรพรตจาริก อรัญญิกคณาธิปัติ มัชฌิมคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสีบพิตร"
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประชวรด้วยพระโรคเดียวกับพระขณิษฐาคือพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา เมื่อทรงทราบว่าพระอัครชายาเธอพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ (ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2444) ทำให้ทรงสลดพระทัยจนพระอาการทรุดลงตาม มีพระอาการวิงเวียน อาเจียน อ่อนเพลีย เสียดพระนาภี พระบังคลผิดปกติ เสวยพระกระยาหารไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดโดยตลอด พระอาการยังทรงกับทรุดจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคอุจจาระธาตุพิการ เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2444 แรม 3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู สิริพระชันษาได้ 700158000000000000058 ปี 7002306000000000000306 วัน ดำรงสมณเพศได้ 39 พรรษา ได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/พระวรวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร